วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559

LLEN มหาสารคาม : ก้าวแรกการขยายผลของกลุ่ม "ฮักนะเชียงยืน"

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ผมไปช่วยคุณครูเพ็ญศรี ใจกล้า ทำหน้าที่กระบวนกร "พาคิดเรื่องที่จะทำโดยนำคุยผู้ที่เกี่ยวข้อง" ซึ่งผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากๆ ที่ทำให้เกิดโครงการนี้คือ CSR ของบริษัทซัมซุง (เรียกว่าโรงเรียนซัมซุง) และกลุ่มนักเรียน "ฮักนะเชียงยืน" และปีนี้ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้มีโอกาสเข้ามร่วมด้วย   และเข้ามาช่วยเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานครั้งนี้ ที่ห้อง PH 201 คณะสาธารณสุขศาสตร์  ดังภาพ



ถ้า "การศึกษาไทย"  แบ่งไว้ ๔ ยุค ได้แก่
  • ยุค ๑.๐ ครูถ่ายทอดสู่นักเรียน
  • ยุค ๒.๐ ครูพาเรียน ครูนำทำกิจกรรม 
  • ยุค ๓.๐ นักเรียนเรียนเอง ศึกษาเอง ครูเป็นผู้อำนวยการเรียนรู้ 
  • ยุค ๔.๐ นักเรียนและครูเรียนรู้ร่วมกัน เน้นการคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มุ่งสู่นวัตกรรมทางความคิด ครูเป็นนักสร้างแรงบันดาลใจ
กระบวนการเรียนรู้ในวันนี้ จัดไว้ในยุคที่ ๓.๐  นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านการลงมือทำและมานำน้อง ๆ รุ่นใหม่ให้เรียนรู้ตามประสบการณ์ของตนเอง และสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่คือการมุ่งสู่ ยุค ๔.๐ ต่อไป

ผมไม่ได้สังเกตการกิจกรรมในส่วนของนักเรียนมากนัก เนื่องจาก หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายวันนี้ คือเป็นผู้อำนวยการสนทนาของวงผู้ใหญ่ใจดี ซึ่งวันนี้มาร่วมกันอย่างคับคั่ง ดังนี้รับ
  • ผู้บริหารของบริษัทซัมซุง ประเทศไทย (จำกัด) ผู้ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาในโรงเรียนซัมซุง ซึ่งปีนี้ขยายผลไปสู่ ๕ โรงเรียน  
  • นายอำเภอเชียงยืน ท่านมาเอง... และอยู่จนจบงานเลยครับ สุดยอดจริงๆ 
  • ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีทั้งผู้ใหญ่บ้าน อดีตนายก อบต. 
  • ปราชญชาวบ้าน ... ผมจำชื่อได้ คุณป้าลมโชย ... แนะนำให้เด็ก ๆ ไปเรียนรู้จากท่านมาก ๆ 
  • ผู้ปกครองของนักเรียน 
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ดร.ญาณวุฒิ อุทรักษ์ 
  • ผู้อำนวยการโรงเรียนนาข่าวิทยาคม ผอ.คม แคนสุข  และ ผอ.โรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม นายทรงรัตน์ ธนมาลาพงศ์
  • ศึกษานิเทศก์ประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัด ดร.นงเยาค์ แคนสุข และ อ.เครือมาศย์ ชินกร 
  • ครูผู้เข้าร่วมโครงการ  ครูวรารักษ์ ภูเฉลิม จากโรงเรียนมะค่าพิทยาคม ครูศิริลักษณ์ ชมภูคำ โรงเรียนบ้านหินลาด ครูเพ็ญศรี กานุมาร โรงเรียนนาสีนวนพิทยาสรรค์  เป็นต้น
  • ครูเพ็ญศรี ใจกล้า ครูผู้เป็นจุดเริ่ม เป็นความสำเร็จที่กำลังจะขยายต่อไป 





ข้อสรุปการสนทนา

ผลสรุปการสนทนาสรุปเป็นขั้นตอนในการดำเนินการต่อไป ดังแผนภาพ



  • เวทีวันนี้ (๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙) ถือเป็นเวทีเปิดและประชาสัมพันธ์โครงการโรงเรียนซัมซุงช่วงขยายผล  สิ่งที่ได้จากเวทีนี้ นอกจากจะเด็กจะเข้าใจปัญหาและกำหนดเป้าหมายร่วมกันแล้ว คณะครู ผู้ปกครอง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ยังได้ร่วมกันกำหนดแนวทางร่วมกัน 
  • ขั้นต่อไปคือ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการทั้งครูและตัวแทนนักเรียน โดยมีทีมอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นวิทยากร โดยมุ่งเป้าหมาย ให้นักเรียนได้เรียนรู้สิ่งต่อไปนี้ ดังนี้ 
    • ความรู้พื้นฐานที่จำเป็นเรื่องป่าและเรื่องการเดินป่า 
    • กระบวนการเรียนรู้จากป่า 
    • ทักษะการใช้เครื่องมือเรียนรู้จากป่า
    • มีประสบการณ์ในการทำข้อมูลป่า เช่น ทำ QR code เก็บข้อมูลต้นไม้ เป็นต้น 
  • ขั้นต่อมาอาจจะจัดพร้อมๆ กับขั้นตอนการฝึกอบรมฯ  วัตถุประสงค์ของขั้นนี้คือ ให้นักเรียนแกนนำตัวแทนจากแต่ละโรงเรียนได้ทดลองใช้ความรู้ที่ได้ฝึกอบรมมานั้นไปใช้จริงๆ ในการเดินสำรวจป่า ... คิดว่าน่าจะเป็นป่าที่ อ.เชียงยืน
  • หลังจากมีประสบการณ์บ้างแล้ว นักเรียนแกนนำของแต่ละโรงเรียนจะต้อง ไปติดต่อโรงเรียนระดับประถมศึกษา เพื่อติดต่อขอจัดกิจกรรมพาน้องเรียนรู้เรื่องป่า โดยใช้กิจกรรมที่ได้เรียนรู้จากพี่ๆ จากกลุ่มฮักนะเชียงยืน ... น่าจะมีกลุ่มฮักเชียงยืนไปช่วยทุกโรงเรียน 
  • ต่อด้วยการจัดค่ายเดินสำรวจป่าชุมชนของตนเอง อาจเป็นป่าในโรงเรียนหรือในชุมชน แล้วแต่ความเหมาะสม ซึ่งถ้าผู้อำนวยการโรงเรียนและกรรมการสถานศึกษาจริงจัง เด็กประถมจะได้พลังแห่งการเรียนรู้ไม่น้อยเลย 
  • กิจกรรมสุดท้ายคือ การจัดเวที Show & Share เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนจากทุกโรงเรียนได้นำเสนอผลงานของตนเอง และได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
 ความจริง เราคุยกันลึกถึงบทบาทของแต่ละคนแต่ละท่าน และบางส่วนถึงกับกำหนดเวลาไว้อย่างชัดเจนว่า อีก ๑ ปี ต่อไปนี้ เราจะมารวมกัน ...

ขอจบไว้เท่านี้ครับ ....  ขออภัยที่ใช้เวลานานเหลือเกินกว่าจะนำมาบันทึกไว้....





วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

จังหวัดจัดการตนเอง -> จังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้ -> อภิวัตน์การเรียนรู้ .... สู่การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย

เมื่อได้มีโอกาสไปร่วมกับคณะปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัด แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่วันเดียว  นี่ก็ผ่านมา ๒ วันแล้ว ใจผมยังเที่ยวสืบค้นความรู้ที่ตอนนี้ประเทศไทยเรามีอยู่แล้ว เพื่อจะนำมาเสนอต่อคณะปฏิรูปให้มากที่สุด ความจริงท่านผู้ใหญ่คงจะได้อ่านได้ฟังแล้ว แต่คงไม่เป็นไรหากจะโพสท์เผื่อไปสำหรับคนที่ยังไม่อ่าน

เอกสารแรกๆ เลยที่ต้องอ่าน ก่อนจะทำการปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัด คือเอกสารประกอบการ "อภิวัตน์การเรียนรู้ ... สู่จุดเปลี่ยนประเทศไทย" ที่เขียนโดย ศาสตราจารย์ นพ. ประเวศ วะสี  นำเสนอในงานสัมมาในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗

https://drive.google.com/file/d/0B3isulQhnKlgT21wWTNrRUEtQzA/view?usp=sharing

และอีกลิงค์ที่สรุปสาระสำคัญของการประชุมไว้ครบถ้วน

https://drive.google.com/file/d/0B3isulQhnKlgVUJPRnFyYVFEZzA/view?usp=sharing

ในเอกสารฉบับแรกบอกชัดว่า
  • จุดเปลี่ยนของประเทศไทยคือ "การปฏิรูปการศึกษา" 
  • ต้องปฏิรูปด้วยกระบวนทัศน์ใหม่ ไม่ใช่กระบวนทัศน์เก่าที่พิสูจน์เห็นแล้วว่าไม่ได้ผลจากการปฏิรูปมาแล้วหลายครั้ง 
  • กระบวนทัศน์ใหม่ที่ต้องใช้ในการปฏิรูป คือ ไตรยางค์การเรียนรู้ คือ
    • การเรียนรู้ตั้งตั้งอยู่บนฐานชีวิตจริง ปฏิบัติจริง วิถีชีวิตจริง หรือวัฒนธรรมจริง 
    • กระบวนการคิดด้วยเหตุผล หรือ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 
    • ใช้จิตตปัญญาศึกษา เพื่อศึกษาให้มีปัญญาเกี่ยวกับจิต เพื่อการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในชีวิตของแต่ละคน
  • การเรียนรู้ต้องเป็นของคนทั้งมวล (Learning For All) เป็นการเรียนรู้เพื่อเยียวยาสังคมทั้งหมด (Learning that Heals the Wholes)  การพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กไม่ใช่หน้าที่ของครูหรือโรงเรียน แต่เป็นทุกคนในสังคม ตั้งแต่พ่อแม่เป็นต้นไป 
  • จังหวัดทั้งจังหวัดคือ "สังคมแห่งการเรียนรู้"  ตั้งแต่
    • การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย  
    • การเรียนรู้ในกระบวนการและกิจกรรมทุกอย่างของชุมชน
    • เครือข่ายเยาวชนตำบล 
    • การเรียนรู้เพื่อสร้างสัมมาอาชีพ
    • การเรียนรู้ของผู้ใช้แรงงาน
    • การเรียนรู้ของผู้สูงอายุ
    • การเรียนรู้พิเศษ
    • การเรียนรู้จากการอ่าน ส่งเสริมการอ่านเต็มพื้นที่ 
    • อุดมศึกษาเพื่อท้องถิ่น
  • กลไกในการจัดการสู่จังหวัดแห่งการเรียนรู้ ควรมี
    • สภาการศึกษาจังหวัด
    • สถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้
... ความจริงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคิดไว้ นี่ก็น่าจะดีมากแล้ว ... และท่านเหล่านั้นก็เน้นย้ำด้วยว่า สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติ และต้องเป็นการปฏิบัติอย่างมีส่วนร่วม ...


วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

LLEN มหาสารคาม ๕๘ : ร่วมประชุมสัญจรและศึกษาดูงาน "โครงการปฏิรูปเชิงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ"


วันนี้ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) ผมมีโอกาสเดินทางไปร่วมการประชุมสัญจรและศึกษาดูงานโครงการปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญกับคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาการศึกษาตามยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งกำลังดำเนินการเตรียมการที่จะ (ตามเอกสารที่ผมได้รับ) ปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม หรือสร้าง "ตักสิลาโมเดล" .... ผมเรียกเองสั้นๆ เพื่อให้สะดวกต่อการสร้างเครือข่ายผ่านทางไลน์ว่า "ปรศ.ตักสิลานคร" (ปฏิรูปการศึกษาตักสิลานคร)


ขอขอบพระคุณท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่มอบหมายให้สำนักศึกษาทั่วไป ได้เข้าไปร่วมกับกระบวนการปฏิรูปนี้ด้วย หนังสือที่ได้รับเมื่อวานนี้ ทำให้ผม ในฐานะตัวแทนของสำนักศึกษาทั่วไป มีโอกาสได้ไปเรียนรู้และรับทราบว่า จะมีการเริ่มต้นเรื่องการปฏิรูปการศึกษาของจังหวัด เพราะสิ่งที่ทำให้ CADL เกิดขึ้นได้ก็เพราะทำเรื่องเครือข่ายเชิงพื้นที่มาก่อน (LLEN มหาสารคาม) นี้เอง ดังนั้นเราจึงน่าจะมีทุนขององค์ความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างหากจะสร้างเครือข่ายดังกล่าว

กรรมการฯ ชุดนี้ มีผู้ว่าฯ เป็นประธานกรรมการ และมีอธิการบดี มรภ.มหาสารคามเป็นหัวหน้าทีมเลขานุการ โดยมีตัวแทนภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมเป็นกรรมการ ได้แก่ อธิการบดี มมส. รองอธิบดีสถาบันพลศึกษา ผอ. สพป.เขต ๑,๒,๓ ผอ.เขต สพม.เขต ๒๖ ประธานสถาบันอาชีวศึกษา ผอ.กองการศึกษาฯ ของ อบจ. นายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม ท้องถิ่นจังหวัด ประธานสมาคมโรงเรียนเอกชน (ผอ.โรงเรียนอนุบาลกิตติยา) ผอ.กศน. ประธานหอการค้าจังหวัด ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด นายกสมาคมจังหวัด แรงงานจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด และเกษตรและสหกรณ์จังหวัด รวมทั้งสิ้น ๒๐ หน่วยงานหรือภาคส่วนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ....  ต้องถือว่าเป็นการ "เอาจริง" ของจังหวัด

ผมพลิกดูทีมงานเลขานุการที่นำโดยท่านอธิการ มรภ. ทราบว่า มีคณบดีคณะศึกษาศาสตร์คนปัจจุบัน ท่านเดียวกับที่เคยเป็นประธานโครงการ LLEN มหาสารคาม จึงถึงบ้างอ้อว่า LLEN ที่พยายามหนุนเสริมสร้างไว้นั้น น่าจะได้รับการผลักดันสร้างสรรค์ต่อไปในกรรมการชุดนี้นี่เอง...

จากการศึกษาเอกสาร ทราบว่า โครงการประชุมสัญจรและศึกษาดูงานฯ ครั้งนี้ เป็นการประชุมครั้งที่ ๒ ต่อจากการประชุมของ "ผู้ใหญ่" ในจังหวัด เป็นก้าวแรกของการปฏิรูปฯ เป็นโครงการย่อยอันหนึ่งซึ่งนำโดยนายเมธี สุวรรณฝ่าย รองผู้ว่าฯ และรศ.สมชาย วงศ์เกษม อธิการบดี มรภ.มหาสารคาม มีกลุ่มเป้าหมายจะเรียนเชิญทั้ง ๒๐ ภาคส่วนเข้ามาร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อเรียนรู้จากความสำเร็จของจังหวัดนำร่อง ก่อนจะกลับไปจัดทำแผนปฏิบัติการและขับเคลื่อนโครงการจังหวัดมหาสารคาม (มิถุนายน - กันยายน ๒๕๕๘)

มีผู้เข้ามาร่วมวันนี้ทั้งหมด ๑๗ คน จาก ๑๖ ภาคส่วน ที่ไม่มาคือ สพม.๒๖ สพป.เขต ๓ สาธารณสุขจังหวัด และ เกษตรและสหกรณ์จังหวัด เป้าหมายคือมาประชุมแลกเปลี่ยนกันและศึกษาดูงานจาก อบจ.จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักของโครงการปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่ของจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็น ๑ ใน ๑๖ จังหวัดนำร่องของการปฏิรูปการศึกษาให้เกิดสภาการศึกษาของจังหวัด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดที่ ๑๗ ของการนำร่องปฏิรูปตามนโยบายของรัฐฯ ที่รับปฏิบัติดำเนินการโดย สสค.

ปัจจัยที่ทำให้จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นจังหวัดนำร่องของการปฏิรูปการศึกษา

จากการนั่งฟังบรรยายของ อบจ.อำนาจเจริญ และสอบถามท่านผู้บรรยายแผนการปฏิรูปของจังหวัดอำนาจเจริญ  ผมสรุปและตีความประเด็นสำคัญๆ ดังนี้
  • การเสนอโครงการปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญครั้งนี้ เป็นขยักที่ ๓ ของการดำเนินโครงการกับ สสค. และ สสส. อย่างมาอย่างต่อเนื่อง 
  • โครงการขยักแรกคือ โครงการครูสอนดีที่ทาง อบจ. เป็นเจ้าภาพหลักในการคัดเลือกครูสอนดี มีการดำเนินการอย่างมีส่วนร่วมและมีประสิทธิภาพจนได้รับการยกย่องให้เป็น BP (Best Practice) ของการคัดเลือกที่ดีที่สุดจังหวัดหนึ่ง  .....  เมื่อผมลุกขึ้นถามว่า มีกระบวนการอย่างไร ทำไมถึงได้รางวัลนี้  ผู้แทนท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติ ณ ขณะนั้นตอบว่า เพราะได้ทำตามเกณฑ์และขั้นเตอนอย่างเคร่งครัด และมีทีมทำงานที่มีจิตอาสาอย่างแท้จริง 
  • โครงการที่สอง เป็นการร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ระดมสรรพกำลังกันพัฒนาและแก้ไขปัญหาสังคม ๔ ประเด็น ได้แก่ ปัญหาท้องก่อนวันอัยควร ปัญหาเด็กแรกคลอดน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ปัญหายาเสพติด และปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ โดยกำหนดวิสัยทัศน์ร่วมกันว่า "เด็กและเยาวชนทุกคนเข้าถึงระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ เท่าเทียม ทั่วถึง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี" ...  ผมคิดถึงหลักการทรงงานของในหลวง ที่ท่านจะทรงจัดการกับปัญหาของประชาชนให้พออยู่พอกิน มีสุขภาพวที่ดีก่อนเสมอ  เหมือนเป็นปูพื้นฐานไปสู่การพัฒนาด้านอื่นๆ
  • จังหวัดอำนาจเจริญก็มีปัญหาคล้ายจังหวัดอื่นในภาคอีสาน ได้แก่ ความยากจน หนี้สิน หย่าร้าง ยาเสพติด บ้านแตกสาแหรกขาด ที่ทำกินทับซ้อนกับพื้นที่อนุรักษ์ป่า ขาดบุคลากรด้านการแพทย์ ชุมชนท้องถิ่นไม่มีส่วนร่วมต่อการจัดการศึกษา (ถูกกำหนดจาส่วนกลาง) ผลการเรียนเยาวตกต่ำ 
  • จุดเด่นที่สุดของจังหวัดอำนาจเจริญคือ ภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง (ผมสอบถามยืนยันอีกครั้งจากท่านผู้บรรยาย) ความสำเร็จที่สุดของภาคประชาสังคมคือ สามารถจัดตั้งจังหวัดอำนาจเจริญได้  ในคลิปวีดีโอแนะนำของ อบจ. ได้นำเสนอสารคดีหนังสั้นที่ตัดต่อจากหนังเรื่อง "ครูบ้านนอก" ที่สร้างจากนวนิยายที่ประพันธ์โดย พ่อคำหมาน คนไค (อาจารย์สมพงศ์ พละสูรย์) และอธิบายเชื่อมโยงว่า หนังเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการรวมพลังกันขับเคลื่อนของภาคประชาสังคมในการพัฒนาทั้งด้านการปกครองและรวมทั้งด้านการศึกษา 
  • เมื่อถามถึงบทบาทของความร่วมมือของหน่วยงานด้านการศึกษา ฟังจากรองนายกฯ ว่า มีมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ ส่วนหน่วยงานอื่นๆ ยังไม่ได้มาร่วมกันมากนัก 
  • จังหวัดอำนาจเจริญเป็นจังหวัดเดียวที่มี "ธรรมนูญจังหวัด"  มีเป้าหมายชัดเจนว่า อีก ๒๐ ปี จะเป็นจังหวัด "ธรรมะเกษตร"
ผมตีความว่า สาเหตุสำคัญที่ สสค. ทาบทาม (ผมฟังจากการนำเสนอของหลายท่าน) ให้ทาง อบจ.เขียนข้อเสนอโครงการปฏิรูปฯ ซึ่งทำให้จังหวัดอำนาจเจริญเป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องของการกระจายอำนาจทางการศึกษา (ตามสำนวนเขียนของผมเองนะครับ) คือ จุดเด่น ๒ ประการ  หนึ่งคือประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเป็นขั้นตอนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างมีส่วนร่วม ซึ่งมีฐานมาจากประการที่ ๒ คือ ความเข้มแข็งของภาคประชาสังคม

แนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัดอำนาจเจริญ

ผมศึกษาจากเอกสาร ฟังจากการบรรยายเป็นหลัก ส่วนคอนเฟิร์มเสริมด้วยการสอบถามเพิ่มเติมนั้นทำได้ไม่มากนัก (เนื่องจากเวลาจำกัดมาก) ได้ข้อสรุปแนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัดอำนาจเจริญดังต่อไปนี้
  • มีวัตถุประสงค์ ๔ ประการคือ ๑) สร้างเครือข่ายความร่วมมือ ๒) พัฒนาสารสนเทศเพื่อการศึกษา ๓) พัฒนาแผนยุทธศาสตร์การศึกษาของจังหวัด และ ๔) ทดลองรูปแบบการประสานงานและการจัดการศึกษา
  • โครงการนี้มีระยะเวลาตั้งแต่ มกราคม ๕๘ ถึง มิถุนายน ๕๙  รวม ๑ ปี ๖ เดือน
  • แนวทางในการสร้างเครือข่าย คือ ประสานและสร้างเวทีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดตั้งเป็นคณะทำงานปฏิรูปฯ แล้วให้คณะทำงานนี้ทำโครงการเสนองบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนตามเป้าหมาย คือการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่ โดยจะจัดตั้งคณะทำงานเป็น ๒ ระดับ คือคณะทำงานปฏิรูปฯ ระดับจังหวัดและระดับพื้นที่  ระดับจังหวัดจะประชุมกันเดือนละ ๑ ครั้ง รวม ๑๕ ครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นตัวแทนจากระดับพื้นที่ ซึ่งกำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ ๗ อำเภอๆ ละ ๑๐๐ คน รวม ๗๐๐ คน ซึ่งจะประชุมกันอย่างน้อย ๑๐ ครั้ง และทั้งสองระดับนี้จะประชุมร่วมกันทั้งหมดอย่างน้อย ๓ ครั้ง เพื่อให้เกิดสภาปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัด ซึ่งจะประชุมกันอย่างน้อย ๒ ครั้ง ต่อปี 
  • แนวทางการพัฒนาสารสนเทศเพื่อการศึกษา คือ แต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ แล้วจัดให้ประชุมกันอย่างน้อย ๖ ครั้ง เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล และจัดเวทีนำเสนอข้อมูลสู่กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์อย่างน้อย ๒ ครั้ง 
  • แนวทางในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การศึกษาของจังหวัด ก็คล้ายๆ ด้านอื่น คือ จัดตั้งคณะทำงานยกร่าง ประชุม ๒ ครั้ง แล้วประชุมวิพากษ์อีก ๒ ครั้ง ก่อนจะจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อปฏิรูปการศึกษา และประชุมสรุปอีกหนึ่งครั้ง 
  • ส่วนแนวทางการพัฒนารูปแบบการพัฒนากระบวนการเรียนรู้และการประสานงาน จะมุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กและเยาวชนใน ๗ อำเภอที่มีคณะทำงานอยู่ 



ผม AAR ว่า การมาศึกษาดูงานครั้งนี้ สิ่งที่ถือเป็นคุณค่ามากที่สุด ไม่น่าจะใช่แนวทางการขับเคลื่อนฯ ของอำนาจเจริญที่เสนอกับ สสค. เพราะผมศึกษาแล้ว พบว่ายังเป็นการเขียนในภาพกว้าง ไม่ได้ลงรายละเอียดของผู้ปฏิบัติและการปฏิบัติ ซึ่งความจริงแล้วในสนามทำงานจริงๆ จะไม่ตายตัวหรือแน่นอนจึงไม่สามารถจะมาเขียนทำนายไปข้างหน้าได้ เอาไว้มาแลกเปลี่ยนจากผลสรุปการถอดบทเรียนหลังจากปิดโครงการไปแล้วจะดีกว่า แต่สิ่งที่คณะกรรมการ ปรศ.ตักสิลานคร น่าจะนำมาขบคิดให้มากคือ ปัจจัยในความสำเร็จที่ผ่านมาของ อบจ. จังหวัดอำนาจเจริญ ดังที่ผมกล่าวไปแล้ว และจะย้ำอีกครั้งตรงนี้คือ
  • การประสานงานและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบ เป็นขั้นตอน ตามเกณฑ์มาตรฐาน จนได้รับการยอมรับให้เป็น BP ของกระบวนการคัดเลือกครูสอนดี 
  • ความเข้มแข็งของภาคประชาสังคม การทำงานเป็นทีม และการทำงานอย่างมีส่วนร่วมของคณะทำงานต่างๆ 
AAR ระหว่างทางกลับของสมาชิก

ระหว่างทางกลับ ท่านอธิการ มรภ. ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สะท้อนความคิดเห็นและเสนอแนวทางการปฏิรูปการศึกษาของจังหวัด ผมฟังแล้วพอจะสรุปประเด็นสำคัญๆ ได้ดังนี้ครับ
  • มหาสารคามมีจุดเด่นที่มีหน่วยงานด้านการศึกษาที่เข้มแข็ง และทุกภาคส่วนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
  • ควรให้ความสำคัญกับบทบาทของพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย 
  • ควรเริ่มจากคนที่มีใจ คือเน้นคนที่มี "จิตอาสา" เข้ามาเป็นคณะทำงาน 
  • ตัวแทนจาก สพป. ท่านบอกว่า อย่างไรก็แล้วแต่ ควรจะเริ่มจากพื้นที่จริงๆ ก่อน ...  ผมตีความเอาเองว่า ท่านหมายถึง "จากล่างขึ้นบน"
  • นักวิชาการบอกว่า การปฏิรูปของอำนาจเจริญเป็นแบบล่างขึ้นบน ส่วนของมหาสารคามเหมือนจะเป็นแบบบนลงล่าง ซึ่งควรจะให้ความสำคัญกับข้อมูลที่แท้จริงในพื้นที่ คือควรมีการลงสำรวจข้อมูลจริงๆ ในพื้นที่ก่อนจะเริ่มปฏิรูป 
  • ท่านอธิการ มรภ. บอกว่า เราควรทำแบบ Mix คือ ทั้งจากร่างขึ้นบนและจากบนลงล่าง
  • ท่านประธานสภาจังหวัด บอกว่า ท่านพร้อมที่จะสนับสนุนทุนการศึกษาแบบ "เรียนไม่ดี แต่ยากจน" แทนที่จะพูดถึงแต่ "เรียนดีแต่ยากจน" เพราะควมจริงแล้ว คนยากจนจะเรียนดีได้อย่างไร 
  • ผมเสนอเป็นข้อมูลว่า ภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนเป็นทุนการศึกษา สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์  และเสนอว่า ควรมีการระดมสรรพกำลังทุกด้านอย่างจริงจังในการปฏิรูป  ... ท่านอธิการ มรภ. ประกาศว่า ทาง มรภ. จะให้งบสนับสนุนในส่วนนี้ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ...  ผมเองไม่สามารถพูดได้ เพราะไม่มีอำนาจตัดสินใจ ได้แต่เก็บไว้จะไปเรียนท่านอธิการต่อไป 
ตอนท้ายก่อนจะสรุป ท่านอธิการ มรภ. มอบหมายให้ สพป.เขต ๑-๒ ไปดำเนินโครงการโรงเรียนขนาดเล็กต่อ มอบให้ มมส. (ผมเข้าใจว่ามอบให้ทีมจากคณะศึกษาศาสตร์) ไปเขียนโครงการพัฒนาครู ส่วน มรภ. จะเขียนโครงการในส่วนของผู้บริหาร แล้วส่งโครงการเข้ามายังผู้ประสานงานภายในวันที่ ๒๐ มิถุนายนนี้

เสียดายที่ตอนท้ายไม่มี การพิจารณาร่วมกันอย่างมีส่วนร่วมว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ก็พอจะเข้าใจว่า จะมีการประชุมกันอีกเร็วๆ นี้... แต่ครั้งหน้า ผมอาจจะไม่มีโอกาสมาแล้ว... ไม่เป็นไรครับขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านในการทำงานอันยิ่งใหญ่นี้ให้สำเร็จ เพื่อลูกหลานชาวมหาสารคามของเราครับ... ..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/590951


เสียดายที่ตอนท้ายไม่ มีการพิจารณาร่วมกันอย่างมีส่วนร่วมว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ก็พอจะเข้าใจว่า จะมีการประชุมกันอีกเร็วๆ นี้... แต่ครั้งหน้า ผมอาจจะไม่มีโอกาสมาแล้ว... ไม่เป็นไรครับขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านในการทำงานอันยิ่งใหญ่นี้ให้สำเร็จ เพื่อลูกหลานชาวมหาสารคามของเราครับ...
 

เสียดายที่ตอนท้ายไม่มี การพิจารณาร่วมกันอย่างมีส่วนร่วมว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ก็พอจะเข้าใจว่า จะมีการประชุมกันอีกเร็วๆ นี้... แต่ครั้งหน้า ผมอาจจะไม่มีโอกาสมาแล้ว... ไม่เป็นไรครับขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านในการทำงานอันยิ่งใหญ่นี้ให้สำเร็จ เพื่อลูกหลานชาวมหาสารคามของเราครับ... ..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/590951






 







วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

LLEN มหาสารคาม : focus group ติดตามการดำเนินงานเครือข่าย LLEN

วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ CADL มีโอกาสต้อนรับ รศ.ดร.บุญเรียง ขจรศิลป์ และ ดร.จิตต์วิมล คล้ายสุบรรณ นักวิจัยจาก สกว. ท่านมาจัดเวทีสนทนากลุ่มเพื่อติตตามการทำงานภายใต้โครงการ LLEN มหาสารคาม  ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องกว่า ๒ ปี หลังจากที่เสร็จสิ้นโครงการไปตั้งแต่ปี ๕๕


ท่านติดต่อไปยัง ผศ.ดร.พชรวิทย์ จันทร์ศิริสิร หัวหน้าโครงการ LLEN มหาสารคาม ซึ่งได้มอบหมายให้ผมในฐานะเลขานุการโครงการฯ ได้เรียนเชิญตัวแทนเครือข่าย LLEN ในเขตพื้นที่มาร่วมสนทนา ให้ข้อมูลกับท่านอาจารย์ทั้งสองใน ๓ ประเด็น ได้แก่ ๑) ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการพัฒนาเครือข่าย ๒) ปัญหาและอุปสรรค และ ๓) เงื่อนไขที่ทำให้เครือข่ายยั่งยืนและเข้มแข็ง

ผมเลือกเชิญตัวแทนที่ผมประเมินด้วยตนเองจากที่ได้สัมผัสวิถีและวิธีการทำงานของท่านเหล่านั้นว่า ท่านเป็น "นักสร้างเครือข่าย" จากทุกภาคส่วนที่กำลังร่วมกันขับเคลื่อนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในเขตพื้นที่ ได้แก่




๑) ผศ.ดร.พชรวิทร์ จันทร์ศิริสิร 

หัวหน้าโครงการ LLEN มหาสารคาม ปัจจุบันท่านเป็นคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ท่านเป็นนักสร้างเครือข่ายที่สำคัญที่สุด  เครือข่ายส่วนใหญ่ที่ผ่านมาและเกิดขึ้นตอนที่ LLEN มหาสารคาม กำลังตั้งไข่ตลอดจนกระทั่งได้มอบไม้ต่อให้กับศูนย์พัฒนาวิชาการเพื่อการเรียนรู้หรือ (CADL) ซึ่งท่านเองก็เป็นผู้วางแนวทางและตั้งงบประมาณสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ในสมัยที่ท่านเป็นผู้อำนวยการสำนักศึกษาทั่วไป  นี่ถือเป็นปัจจัยสำคัญของความยั่งยืนมาถึงปัจจุบันของ LLEN มหาสารคาม 

แม้ในวันนี้ที่ท่านกล่าวในเวทีสนทนา ท่านยังย้ำต่อเนื่องว่า LLEN มหาสารคาม จะไม่หายไปไหน แม้ว่าจะเรียกชื่อว่าอะไรก็ตาม เพราะท่านมีนโยบายในการขับเคลื่อนเครือข่ายพัฒนาและให้บริการวิชาการอย่างครบวงจรทั้งภายนอกและภายใน ผ่านศูนย์บริการวิชาการและเผยแพร่นวัตกรรมทางการศึกษา  ที่มีมืออาชีพอย่าง ผศ.ดร.ทรงศักดิ์ ภูสีอ่อน เป็นผู้อำนวยการ 


๒) ดร.ฤทธิไกร  ไชยงาม  (กระผมเอง)

เลขานุการโครงการ LLEN มหาสารคาม ปัจจุบันสวมหัวโขนเป็นรองผู้อำนวยการสำนักศึกษาทั่วไป ตั้งแต่จับงาน LLEN มา ผมไม่เคยหยุด รู้สึกว่าได้ทำสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง และสิ่งนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขปัญหาของประเทศนี้ได้ ยิ่งมาได้รับการสนับสนุนจากสำนักศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้เป็นเหมือนกลุ่มงานหนึ่งในสำนักฯ ทำหน้าที่ขับเคลื่อน LLEN เพื่อพัฒนากาาจัดการเรียนรู้ในเขตพื้นที่ ยิ่งทำให้มีกำลังใจมากขึ้น ต่อมาได้รับการหนุนเสริมจากมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ร่วมกับ สสค. ทำให้ได้เรียนรู้เครื่อมือขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยแปลงครู คือ "ชุมชนเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์" หรือ PLC ปีถัดมาผมได้รับโอกาสอันล้ำค่ายิ่งจากมูลนิธิสยามกัมมาจล ให้เป็นหัวหน้าโครงการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ในเขตพื้นที่อีสานตอนบน โครงการนี้ทำให้เรามีเป้าหมายปลายทางที่ชัดเจน เห็นคุณค่าของงานเครือข่ายการศึกษาแบบที่เกิด "ระเบิดจากภายใน" ถึงขั้นที่บอกว่าจะทำงานนี้ไปจนตายทีเดียว (อ่านงานเหล่านี้ได้ที่นี่)


๒) ผอ.สุดใจ  สุปัญบุตร 

ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการศึกษา สพม. ๒๖   ท่านให้โอกาส CADL ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการพัฒนาคนดีของสังคม คือโครงการส่งเสริมนักเรียนผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และบำเพ็ญประโยชน์เข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ หรือ "โครงการเด็กดีมีที่เรียน" (ผมเขียนภาพรวมไว้ที่นี่)  โดยนักเรียนที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จะเป็นนิสิตแกนนำขับเคลื่อน ปศพพ. ใน มมส. ต่อไป 
          

๓) ผอ.คม  แคนสุข  (ตัวแทน อบจ. มหาสารคาม)                

ต้องยกย่องท่านเป็น "นักสร้างเครือข่าย" มืออาชีพ ปัจจุบันท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนาข่าวิทยายน ท่านจะเป็นเหมือนจุดเชื่อมต่อระหว่างทุกส่วนงานด้านการศึกษาในเขตพื้นที่ เช่น มมส. มรภ.มหาสารคาม ไปยังโรงเรียนทั้ง ๒๐ แห่งในสังกัด อบจ. และกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมของ อบจ. 

ปัจจุบันโรงเรียนในสังกัด อบจ. ขับเคลื่อน PLC อย่างเต็มที่ มีการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายพัฒนาครูด้านต่างๆ ถึง ๒๐ ศูนย์ หนึ่งโรงเรียนเป็น ๑ ศูนย์ ซึ่งน่าติดตามต่อไปเป็นอย่างยิ่ง


๔) ศน.รพีพรรณ ปางทอง                    

ศึกษานิเทสก์ สพม. ๒๖ (ตัวแทน สพม.๒๖) ท่านรับผิดชอบการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาของโรงเรียนในสังกัด สพม. ๒๖ ซึ่งมีแผนในปี ๒๕๕๘ ร่วมกับ CADL ให้ได้ ๑ โรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ให้ได้ 

๕) ศน.ไสว ประภาศรี  (ตัวแทนเทศบาลเมืองมหาสารคาม)              

ศึกษานิเทศก์ เทศบาลเมืองมหาสารคาม สำหรับผมแล้วท่านถือเป็น "มือโปร" เช่นกัน และไม่เฉพาะด้านเครือข่ายดูแลโรงเรียนทั้ง ๗ แห่งในสังกัดของท่าน แต่ท่านยังรอบรู้ และรู้ลึกในทุกศาสตร์ของการพัฒนาการเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอก  ปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ CADL และเทศบาล่ฯ มีแผนการสร้าง PLC ร่วมกันอย่างเต็มกำลังเพื่อค้นหาและพัฒนาครูเพื่อศิษย์ในสังกัดเทศบาล และใช้ PLC ในการแก้ปัญหา อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ คิดเลขไม่คล่อง ขับเคลื่อนหลัก ปศพพ.ในโรงเรียน และ ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑  (การเรียนรู้แบบ PBL)


๖) ศน.ทิพยวิมล ดวงเวียงคำ  (ตัวแทน สพป.มค.๓)     

ศึกษานิเทศก์ สพป. มหาสารคาม เขต ๓  ท่านเป็น "ผู้ประสานจากใจ" แบบไม่สนใจรูปแบบ การทำงานแบบต่อเนื่อง ติดตาม และเข้าใจ เข้าถึง ทำให้การพัฒนาครูในเครือข่ายที่ท่านทำอยู่มีพัฒนาการอย่างมีชีวิตชีวา ทั้งครูและผู้อำนวยการมีความสุข สนุกที่ได้ร่วมเรียนรู้กับท่าน  ท่านบอกว่า  ...หากเห็นแล้วไม่ทำ มัวแต่คิดว่าไม่ใช่หน้าที่ สุดท้ายก็ไม่มีใครทำ.... ท่านใช้ facebook และ line ติดต่อสื่อสารกับครูแบบต่อเนื่อง ทำให้ผมเองเห็นในผลงานของท่านในการ "ประสานเครือข่าย" PLC ในพื้นที่ จึงได้เชิญท่านมาร่วมสนทนา และร่วมงานกันต่อไปในเวทีขับเคลื่อน PLC (ในปลายเดือนนี้ที่ กาฬสินธุ์)


๗) ดร.นุชรัตน์ ประสิทธิศิลป์ชัย    (ตัวแทน สพป.กส.๑)           

ศึกษานิเทศก์ สพป. กาฬสินธุ์ เขต ๑ ท่านสนใจ เข้าใจ และเห็นด้วยกับเป้าหมายและวิธีการขับเคลื่อนของ CADL ในการขับเคลื่อนการเรียนรู้บนฐานปัญหาจริง จึงได้ให้โอกาสเราได้เข้าไปร่วมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการเรียนรู้แบบ PBL ให้กับชมรมครูการงานอาชีพและเทคโนโลยี (อ่านไดที่นี่) และร่วมกันขับเคลื่อนเวทีครูและนักเรียนแกนนำที่กำลังจะจัดขึ้นที่สวนดอนธรรมรีสอร์ท จังหวัดกาฬสินธุ์ ในวันที่ ๒๙-๓๐ นี้ 

ดร.นุชรัตน์ และเพื่อ ศน. มีวิธีการทำงานแบบ Coaching และ Mentoring ใกล้ชิดกับเครือข่ายโรงเรียนที่รับผิดชอบ (กลุ่มโรงเรียนบ้านโนนจาน)  น่าจะเป็น BP ในการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในบริบทไทยสำหรับโรงเรียนในระบบ ต่อไป      

อีก  ๓ ท่าน เป็นครูเพื่อศิษย์ BP จาก PLC มหาสารคาม ที่เคยเขียนเรื่องราวและผลงานของท่านไว้แล้วตามลิงค์  


๘) ครูเพ็ญศรี  ใจกล้า  ครูเพื่อศิษย์ BP จากโรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม (สังกัด สพม. ๒๖)

๙) ครูศิริลักษณ์ชมภูคำ ครูเพื่อศิษย์ BP จากโรงเรียนบ้านหินลาด (สังกัด สพป.มค.๑)


๑๐) ครูเพ็ญศรี  กานุมาร  

ครูเพื่อศิษย์ BP จากโรงเรียนนาสีนวนพิทยาสรรค์ (สังกัด อบจ.มหาสารคาม) ท่านปราถนาจะมาร่วมในการสนทนาในครั้งนี้ แต่มีงานลูกโลกสีเขียว ที่ต้องพาเด็กนักเรียนตัวแทนไปร่วมเรียนรู้พัฒนา จึงแก้ปัญหาโดยการเขียนความเห็นของท่านในแต่ละประเด็นส่งมา...  มีคุณค่ายิ่งครับ

ครูเพ็ญศรี กานุมาร เป็น "ครูเพื่อศิษย์ BP" จากความสำเร็จและความอุตสาหะพยายามในการจัดการเรียนรู้โดยใช้ "ภูมิปัญญาเป็นฐาน" (Wisdom-based Learning) ด้าน "สมุนไพรในโรงเรียน" จนได้รับการยอมรับในโรงเรียน ระดับต้นสังกัด (แกนนำนักเรียนในโครงการได้รับทุนการศึกษาของ อบจ.) ระดับประเทศ (รางวัลลูกโลกสีเขียว) และระดับอาเซียน (รางวัล SEAMEO Award)  ...  เสียดายที่แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า ประสบการณ์และเรื่องราวการพัฒนาเด็กของท่านน่าจะได้รับการเผยแพร่โดยเร็ว แต่ CADL ก็ยังไม่ได้เขียนเผยแพร่ผลงานของท่าน  ... กำลังอยู่ในขั้นตอนครับ ....


ก่อนเริ่มการสนทนา ผมเกริ่นถึงความเป็นมาและภาพรวมของการทำงานเครือข่ายที่ผ่านสั้นๆ โดยใช้รูปภาพที่เคยเขียนไว้ในบันทึกนี้ และจับประเด็นด้วยการทำ Mind Mapping  ดังรูป


ผมคิดว่าค่อนข้างชัดเจน และตีความหมายไม่ยากว่า อะไรคือปัจจัยของความสำเร็จ ปัญหาสำคัญ และเงื่อนไขที่จะทำให้ LLEN ยั่งยืนต่อไป ...จึงไม่ขออธิบายใดๆ ครับ

ในภาคบ่าย ท่านไปเยี่ยมชมและสนทนากับนักเรียนกลุ่ม "ฮักนะเชียงยืน" ที่โรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม (อ่านงานองพวกเขาได้ที่นี่)



และแวะกราบพระบรมสารีริกธาตุที่วัดหนองแวงเก่า ในพระมหาเจดีย์ ๙ ชั้น ที่ตัวเมืองจังหวัดขอนแก่น ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ



ขอบพระคุณท่านทั้งสองมากครับ ทั้งได้ความรู้ และเรียนรู้จากประสบการณ์ของท่านผ่านการสนทนา และท่านยังได้เลี้ยงข้าวปลาอาหารตลอดงานเลยทีเดียว...