วันนี้ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) ผมมีโอกาสเดินทางไปร่วมการประชุมสัญจรและศึกษาดูงานโครงการปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญกับคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาการศึกษาตามยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งกำลังดำเนินการเตรียมการที่จะ (ตามเอกสารที่ผมได้รับ) ปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม หรือสร้าง "ตักสิลาโมเดล" .... ผมเรียกเองสั้นๆ เพื่อให้สะดวกต่อการสร้างเครือข่ายผ่านทางไลน์ว่า "ปรศ.ตักสิลานคร" (ปฏิรูปการศึกษาตักสิลานคร)
ขอขอบพระคุณท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่มอบหมายให้สำนักศึกษาทั่วไป ได้เข้าไปร่วมกับกระบวนการปฏิรูปนี้ด้วย หนังสือที่ได้รับเมื่อวานนี้ ทำให้ผม ในฐานะตัวแทนของสำนักศึกษาทั่วไป มีโอกาสได้ไปเรียนรู้และรับทราบว่า จะมีการเริ่มต้นเรื่องการปฏิรูปการศึกษาของจังหวัด เพราะสิ่งที่ทำให้ CADL เกิดขึ้นได้ก็เพราะทำเรื่องเครือข่ายเชิงพื้นที่มาก่อน (LLEN มหาสารคาม) นี้เอง ดังนั้นเราจึงน่าจะมีทุนขององค์ความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างหากจะสร้างเครือข่ายดังกล่าว
กรรมการฯ ชุดนี้ มีผู้ว่าฯ เป็นประธานกรรมการ และมีอธิการบดี มรภ.มหาสารคามเป็นหัวหน้าทีมเลขานุการ โดยมีตัวแทนภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมเป็นกรรมการ ได้แก่ อธิการบดี มมส. รองอธิบดีสถาบันพลศึกษา ผอ. สพป.เขต ๑,๒,๓ ผอ.เขต สพม.เขต ๒๖ ประธานสถาบันอาชีวศึกษา ผอ.กองการศึกษาฯ ของ อบจ. นายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม ท้องถิ่นจังหวัด ประธานสมาคมโรงเรียนเอกชน (ผอ.โรงเรียนอนุบาลกิตติยา) ผอ.กศน. ประธานหอการค้าจังหวัด ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด นายกสมาคมจังหวัด แรงงานจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด และเกษตรและสหกรณ์จังหวัด รวมทั้งสิ้น ๒๐ หน่วยงานหรือภาคส่วนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง .... ต้องถือว่าเป็นการ "เอาจริง" ของจังหวัด
ผมพลิกดูทีมงานเลขานุการที่นำโดยท่านอธิการ มรภ. ทราบว่า มีคณบดีคณะศึกษาศาสตร์คนปัจจุบัน ท่านเดียวกับที่เคยเป็นประธานโครงการ LLEN มหาสารคาม จึงถึงบ้างอ้อว่า LLEN ที่พยายามหนุนเสริมสร้างไว้นั้น น่าจะได้รับการผลักดันสร้างสรรค์ต่อไปในกรรมการชุดนี้นี่เอง...
จากการศึกษาเอกสาร ทราบว่า โครงการประชุมสัญจรและศึกษาดูงานฯ ครั้งนี้ เป็นการประชุมครั้งที่ ๒ ต่อจากการประชุมของ "ผู้ใหญ่" ในจังหวัด เป็นก้าวแรกของการปฏิรูปฯ เป็นโครงการย่อยอันหนึ่งซึ่งนำโดยนายเมธี สุวรรณฝ่าย รองผู้ว่าฯ และรศ.สมชาย วงศ์เกษม อธิการบดี มรภ.มหาสารคาม มีกลุ่มเป้าหมายจะเรียนเชิญทั้ง ๒๐ ภาคส่วนเข้ามาร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อเรียนรู้จากความสำเร็จของจังหวัดนำร่อง ก่อนจะกลับไปจัดทำแผนปฏิบัติการและขับเคลื่อนโครงการจังหวัดมหาสารคาม (มิถุนายน - กันยายน ๒๕๕๘)
มีผู้เข้ามาร่วมวันนี้ทั้งหมด ๑๗ คน จาก ๑๖ ภาคส่วน ที่ไม่มาคือ สพม.๒๖ สพป.เขต ๓ สาธารณสุขจังหวัด และ เกษตรและสหกรณ์จังหวัด เป้าหมายคือมาประชุมแลกเปลี่ยนกันและศึกษาดูงานจาก อบจ.จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักของโครงการปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่ของจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็น ๑ ใน ๑๖ จังหวัดนำร่องของการปฏิรูปการศึกษาให้เกิดสภาการศึกษาของจังหวัด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดที่ ๑๗ ของการนำร่องปฏิรูปตามนโยบายของรัฐฯ ที่รับปฏิบัติดำเนินการโดย สสค.
ปัจจัยที่ทำให้จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นจังหวัดนำร่องของการปฏิรูปการศึกษา
จากการนั่งฟังบรรยายของ อบจ.อำนาจเจริญ และสอบถามท่านผู้บรรยายแผนการปฏิรูปของจังหวัดอำนาจเจริญ ผมสรุปและตีความประเด็นสำคัญๆ ดังนี้
- การเสนอโครงการปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญครั้งนี้ เป็นขยักที่ ๓ ของการดำเนินโครงการกับ สสค. และ สสส. อย่างมาอย่างต่อเนื่อง
- โครงการขยักแรกคือ โครงการครูสอนดีที่ทาง อบจ. เป็นเจ้าภาพหลักในการคัดเลือกครูสอนดี มีการดำเนินการอย่างมีส่วนร่วมและมีประสิทธิภาพจนได้รับการยกย่องให้เป็น BP (Best Practice) ของการคัดเลือกที่ดีที่สุดจังหวัดหนึ่ง ..... เมื่อผมลุกขึ้นถามว่า มีกระบวนการอย่างไร ทำไมถึงได้รางวัลนี้ ผู้แทนท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติ ณ ขณะนั้นตอบว่า เพราะได้ทำตามเกณฑ์และขั้นเตอนอย่างเคร่งครัด และมีทีมทำงานที่มีจิตอาสาอย่างแท้จริง
- โครงการที่สอง เป็นการร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ระดมสรรพกำลังกันพัฒนาและแก้ไขปัญหาสังคม ๔ ประเด็น ได้แก่ ปัญหาท้องก่อนวันอัยควร ปัญหาเด็กแรกคลอดน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ปัญหายาเสพติด และปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ โดยกำหนดวิสัยทัศน์ร่วมกันว่า "เด็กและเยาวชนทุกคนเข้าถึงระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ เท่าเทียม ทั่วถึง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี" ... ผมคิดถึงหลักการทรงงานของในหลวง ที่ท่านจะทรงจัดการกับปัญหาของประชาชนให้พออยู่พอกิน มีสุขภาพวที่ดีก่อนเสมอ เหมือนเป็นปูพื้นฐานไปสู่การพัฒนาด้านอื่นๆ
- จังหวัดอำนาจเจริญก็มีปัญหาคล้ายจังหวัดอื่นในภาคอีสาน ได้แก่ ความยากจน หนี้สิน หย่าร้าง ยาเสพติด บ้านแตกสาแหรกขาด ที่ทำกินทับซ้อนกับพื้นที่อนุรักษ์ป่า ขาดบุคลากรด้านการแพทย์ ชุมชนท้องถิ่นไม่มีส่วนร่วมต่อการจัดการศึกษา (ถูกกำหนดจาส่วนกลาง) ผลการเรียนเยาวตกต่ำ
- จุดเด่นที่สุดของจังหวัดอำนาจเจริญคือ ภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง (ผมสอบถามยืนยันอีกครั้งจากท่านผู้บรรยาย) ความสำเร็จที่สุดของภาคประชาสังคมคือ สามารถจัดตั้งจังหวัดอำนาจเจริญได้ ในคลิปวีดีโอแนะนำของ อบจ. ได้นำเสนอสารคดีหนังสั้นที่ตัดต่อจากหนังเรื่อง "ครูบ้านนอก" ที่สร้างจากนวนิยายที่ประพันธ์โดย พ่อคำหมาน คนไค (อาจารย์สมพงศ์ พละสูรย์) และอธิบายเชื่อมโยงว่า หนังเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการรวมพลังกันขับเคลื่อนของภาคประชาสังคมในการพัฒนาทั้งด้านการปกครองและรวมทั้งด้านการศึกษา
- เมื่อถามถึงบทบาทของความร่วมมือของหน่วยงานด้านการศึกษา ฟังจากรองนายกฯ ว่า มีมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ ส่วนหน่วยงานอื่นๆ ยังไม่ได้มาร่วมกันมากนัก
- จังหวัดอำนาจเจริญเป็นจังหวัดเดียวที่มี "ธรรมนูญจังหวัด" มีเป้าหมายชัดเจนว่า อีก ๒๐ ปี จะเป็นจังหวัด "ธรรมะเกษตร"
แนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัดอำนาจเจริญ
ผมศึกษาจากเอกสาร ฟังจากการบรรยายเป็นหลัก ส่วนคอนเฟิร์มเสริมด้วยการสอบถามเพิ่มเติมนั้นทำได้ไม่มากนัก (เนื่องจากเวลาจำกัดมาก) ได้ข้อสรุปแนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัดอำนาจเจริญดังต่อไปนี้
- มีวัตถุประสงค์ ๔ ประการคือ ๑) สร้างเครือข่ายความร่วมมือ ๒) พัฒนาสารสนเทศเพื่อการศึกษา ๓) พัฒนาแผนยุทธศาสตร์การศึกษาของจังหวัด และ ๔) ทดลองรูปแบบการประสานงานและการจัดการศึกษา
- โครงการนี้มีระยะเวลาตั้งแต่ มกราคม ๕๘ ถึง มิถุนายน ๕๙ รวม ๑ ปี ๖ เดือน
- แนวทางในการสร้างเครือข่าย คือ ประสานและสร้างเวทีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดตั้งเป็นคณะทำงานปฏิรูปฯ แล้วให้คณะทำงานนี้ทำโครงการเสนองบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนตามเป้าหมาย คือการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่ โดยจะจัดตั้งคณะทำงานเป็น ๒ ระดับ คือคณะทำงานปฏิรูปฯ ระดับจังหวัดและระดับพื้นที่ ระดับจังหวัดจะประชุมกันเดือนละ ๑ ครั้ง รวม ๑๕ ครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นตัวแทนจากระดับพื้นที่ ซึ่งกำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ ๗ อำเภอๆ ละ ๑๐๐ คน รวม ๗๐๐ คน ซึ่งจะประชุมกันอย่างน้อย ๑๐ ครั้ง และทั้งสองระดับนี้จะประชุมร่วมกันทั้งหมดอย่างน้อย ๓ ครั้ง เพื่อให้เกิดสภาปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัด ซึ่งจะประชุมกันอย่างน้อย ๒ ครั้ง ต่อปี
- แนวทางการพัฒนาสารสนเทศเพื่อการศึกษา คือ แต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ แล้วจัดให้ประชุมกันอย่างน้อย ๖ ครั้ง เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล และจัดเวทีนำเสนอข้อมูลสู่กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์อย่างน้อย ๒ ครั้ง
- แนวทางในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การศึกษาของจังหวัด ก็คล้ายๆ ด้านอื่น คือ จัดตั้งคณะทำงานยกร่าง ประชุม ๒ ครั้ง แล้วประชุมวิพากษ์อีก ๒ ครั้ง ก่อนจะจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อปฏิรูปการศึกษา และประชุมสรุปอีกหนึ่งครั้ง
- ส่วนแนวทางการพัฒนารูปแบบการพัฒนากระบวนการเรียนรู้และการประสานงาน จะมุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กและเยาวชนใน ๗ อำเภอที่มีคณะทำงานอยู่
ผม AAR ว่า การมาศึกษาดูงานครั้งนี้ สิ่งที่ถือเป็นคุณค่ามากที่สุด ไม่น่าจะใช่แนวทางการขับเคลื่อนฯ ของอำนาจเจริญที่เสนอกับ สสค. เพราะผมศึกษาแล้ว พบว่ายังเป็นการเขียนในภาพกว้าง ไม่ได้ลงรายละเอียดของผู้ปฏิบัติและการปฏิบัติ ซึ่งความจริงแล้วในสนามทำงานจริงๆ จะไม่ตายตัวหรือแน่นอนจึงไม่สามารถจะมาเขียนทำนายไปข้างหน้าได้ เอาไว้มาแลกเปลี่ยนจากผลสรุปการถอดบทเรียนหลังจากปิดโครงการไปแล้วจะดีกว่า แต่สิ่งที่คณะกรรมการ ปรศ.ตักสิลานคร น่าจะนำมาขบคิดให้มากคือ ปัจจัยในความสำเร็จที่ผ่านมาของ อบจ. จังหวัดอำนาจเจริญ ดังที่ผมกล่าวไปแล้ว และจะย้ำอีกครั้งตรงนี้คือ
- การประสานงานและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบ เป็นขั้นตอน ตามเกณฑ์มาตรฐาน จนได้รับการยอมรับให้เป็น BP ของกระบวนการคัดเลือกครูสอนดี
- ความเข้มแข็งของภาคประชาสังคม การทำงานเป็นทีม และการทำงานอย่างมีส่วนร่วมของคณะทำงานต่างๆ
ระหว่างทางกลับ ท่านอธิการ มรภ. ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สะท้อนความคิดเห็นและเสนอแนวทางการปฏิรูปการศึกษาของจังหวัด ผมฟังแล้วพอจะสรุปประเด็นสำคัญๆ ได้ดังนี้ครับ
- มหาสารคามมีจุดเด่นที่มีหน่วยงานด้านการศึกษาที่เข้มแข็ง และทุกภาคส่วนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
- ควรให้ความสำคัญกับบทบาทของพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย
- ควรเริ่มจากคนที่มีใจ คือเน้นคนที่มี "จิตอาสา" เข้ามาเป็นคณะทำงาน
- ตัวแทนจาก สพป. ท่านบอกว่า อย่างไรก็แล้วแต่ ควรจะเริ่มจากพื้นที่จริงๆ ก่อน ... ผมตีความเอาเองว่า ท่านหมายถึง "จากล่างขึ้นบน"
- นักวิชาการบอกว่า การปฏิรูปของอำนาจเจริญเป็นแบบล่างขึ้นบน ส่วนของมหาสารคามเหมือนจะเป็นแบบบนลงล่าง ซึ่งควรจะให้ความสำคัญกับข้อมูลที่แท้จริงในพื้นที่ คือควรมีการลงสำรวจข้อมูลจริงๆ ในพื้นที่ก่อนจะเริ่มปฏิรูป
- ท่านอธิการ มรภ. บอกว่า เราควรทำแบบ Mix คือ ทั้งจากร่างขึ้นบนและจากบนลงล่าง
- ท่านประธานสภาจังหวัด บอกว่า ท่านพร้อมที่จะสนับสนุนทุนการศึกษาแบบ "เรียนไม่ดี แต่ยากจน" แทนที่จะพูดถึงแต่ "เรียนดีแต่ยากจน" เพราะควมจริงแล้ว คนยากจนจะเรียนดีได้อย่างไร
- ผมเสนอเป็นข้อมูลว่า ภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนเป็นทุนการศึกษา สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์ และเสนอว่า ควรมีการระดมสรรพกำลังทุกด้านอย่างจริงจังในการปฏิรูป ... ท่านอธิการ มรภ. ประกาศว่า ทาง มรภ. จะให้งบสนับสนุนในส่วนนี้ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ... ผมเองไม่สามารถพูดได้ เพราะไม่มีอำนาจตัดสินใจ ได้แต่เก็บไว้จะไปเรียนท่านอธิการต่อไป
เสียดายที่ตอนท้ายไม่มี
การพิจารณาร่วมกันอย่างมีส่วนร่วมว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ก็พอจะเข้าใจว่า
จะมีการประชุมกันอีกเร็วๆ นี้... แต่ครั้งหน้า ผมอาจจะไม่มีโอกาสมาแล้ว...
ไม่เป็นไรครับขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านในการทำงานอันยิ่งใหญ่นี้ให้สำเร็จ
เพื่อลูกหลานชาวมหาสารคามของเราครับ...
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/590951
เสียดายที่ตอนท้ายไม่ มีการพิจารณาร่วมกันอย่างมีส่วนร่วมว่าจะทำอย่างไรต่อไป
แต่ก็พอจะเข้าใจว่า จะมีการประชุมกันอีกเร็วๆ นี้... แต่ครั้งหน้า ผมอาจจะไม่มีโอกาสมาแล้ว...
ไม่เป็นไรครับขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านในการทำงานอันยิ่งใหญ่นี้ให้สำเร็จ เพื่อลูกหลานชาวมหาสารคามของเราครับ...
เสียดายที่ตอนท้ายไม่มี
การพิจารณาร่วมกันอย่างมีส่วนร่วมว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ก็พอจะเข้าใจว่า
จะมีการประชุมกันอีกเร็วๆ นี้... แต่ครั้งหน้า ผมอาจจะไม่มีโอกาสมาแล้ว...
ไม่เป็นไรครับขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านในการทำงานอันยิ่งใหญ่นี้ให้สำเร็จ
เพื่อลูกหลานชาวมหาสารคามของเราครับ...
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/590951








ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น